อุบัติเหตุตามท้องถนนมีให้เราเห็นกันแทบทุกวัน ส่วนหนึ่งอาจมาจากความประมาณของตัวเราเองหรือไม่ก็ของคู่กรณี แต่มีความเชื่ออีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุนั่นก็คือ เลขทะเบียน อย่างไรก็ตาม เลขทะเบียนก็ยังสามารถบ่งบอกความเป็นตัวตนของเจ้าของรถ เพราะถือว่าดวงของเจ้าของรถเป็นอย่างไร เลขทะเบียนก็จะเป็นอย่างนั้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้พิจารณาญาณในการรับชม และวันนี้เรามีกลุ่มเลขต้องห้ามในการเลือกป้ายทะเบียนรถยนต์ จากหนังสือ “เลขบอกชีวิต” มีดังนี้
ภรรยา 40 ปี และอ้วน ได้ขอให้ช่างภาพแต่งรูปของเธอเพื่อมอบให้สามี แต่เมื่อสามีเห็นแล้วกลับเขียนถึงช่างภาพแบบนี้..
ความ
สวยงามภายนอกนั้นเสื่อมสภาพตามกาลเวลา ถึงจะสวยขนาดไหนก็มีวันร่วงโรย
หญิงอายุ40คนนี้ได้จ้างให้ช่างถ่ายภาพ
ถ่ายภาพให้เธอชุดนึงและเธอก็ขอเขาช่วยแต่งภาพให้ผอมลงและหุ่นดีจนสามีของเธอ
เห็นแล้วต้องเซอไพรส์ ช่างภาพคิดตามแล้วก็ตกลงทำตามความต้องการของเธอ
▼ช่าง
ภาพและหญิงคนนี้ก็ได้เดินทางไปยังโรงแรมหรู
และหลังจากการถ่ายรูปที่ใช้เวลาชั่วโมงครึ่งเสร็จแล้ว
ด้วยคำแนะนำของเธอช่างภาพจึงเริ่มทำการรีทัชลบริ้วรอย เซลลูไลท์
รอยแตกลายต่างๆ ของเธอ คนในรูปดูสูงและหุ่นดี
ผิวขาวและเปี่ยมด้วยความอ่อนเยาว์ หญิงคนนี้เมื่อเห็นผลงานก็พอใจมาก
และก่อนที่จะถึงคริสต์มาสเธอก็ได้มอบอัลบัมภาพนี้ให้สามีของเธอ
▼รูปภาพถูกแก้ไขตามความต้องการของเธอทั้งหมด
ตาม
ปกติก็ถือว่าช่างภาพได้ทำงานเสร็จสิ้นแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าอีก 3 วันต่อมา
เขาก็ได้รับอีเมล์จากสามีของผู้หญิงคนนั้น
รายละเอียดด้านในทำให้เขาสะเทือนใจมาก
▼นี่คือข้อความของอีเมล์ฉบับนั้น
"สวัสดี
ครับ ผมเป็นสามีของผู้หญิงคนนั้น
ผมเขียนอีเมล์นี้ถึงคุณเพราะภรรยาของผมได้ขอให้คุณช่วยถ่ายรูปเซตนี้ให้ผม
แต่ผมไม่ได้ส่งมาบ่นเพราะคุณได้ทำตามหน้าที่ของคุณเป็นอย่างดี
ผม
เริ่มต้นใช้ชีวิตกับเธอตั้งแต่อายุ 18 เรามีลูกที่น่ารักด้วยกันสองคน
ผ่านมาทั้งช่วงเวลาที่ดีและร้ายด้วยกันมามาก
ผมรู้ว่าภรรยาผมถ่ายรูปเซตนี้เพื่อทำให้ชีวิตคู่ของเราดูน่าตื่นเต้นขึ้น
บางครั้งเธอก็บ่นเพราะคิดว่าผมไม่คิดว่าเธอนั้นสวยอีกต่อไปแล้ว
และยังพูดอีกว่าถ้าผมมีคนอื่นที่เด็กและสวยกว่า เขาจะไม่โทษผมแม้แต่น้อย
แต่
เมื่อผมได้รับอัลบัมรูปและเปิดดูก็ถึงกับอึ้ง รูปดูสวยมาก
คุณเป็นช่างภาพที่เก่งมาก หากแต่ผมต้องการจะบอกว่านั่นไม่ใช่ภรรยาของผม
คุณทำให้ 'ริ้วรอย' ของเธอหายไป ผมรู้ว่าภรรยาของผมขอให้คุณทำมัน
แต่เพราะสิ่งเหล่านั้นมันหายไปเลยดูเหมือนสิ่งที่บ่งบอกการใช้ชีวิตคู่ของ
เราก็หายไปด้วย
ตอน
ที่คุณลบรอยแตกลาย
คุณก็ได้เอาสิ่งที่บ่งบอกว่าเธอกับผมเคยมีลูกด้วยกันออกไป
เมื่อคุณรีทัชริ้วรอย ก็เหมือนลบเอาประสบการณ์กว่า 20
ปีที่มีทั้งสุขและทุกข์ของเราออกไป เมื่อคุณเอาไขมันของเธอออก
คุณก็เอาหลายปีที่เราได้ทำอาหารและความสุขที่ได้ทานอาหารด้วยกันนั้นออกไป"
▼สามีนั้นคิดว่า "นั่นไม่ใช่ภรรยาที่เขารู้จักเลย"
▼"ผม
ไม่ได้ตัดสินอะไรคุณทั้งสิ้นและเข้าใจว่าเป็นหน้าที่ที่คุณต้องทำตามความ
ต้องการของลูกค้าอยู่แล้ว
จริงๆแล้วผมอยากเขียนมาเพื่อขอบคุณที่อัลบัมภาพนี้
ทำให้ผมรู้สึกละอายใจที่ผมไม่สามารถทำให้เธอรู้สึกแน่ใจได้ว่าผมรักเธอขนาด
ไหน"
▼"ผม
ยังทำได้ไม่มากพอจนทำให้เธอเข้าใจผิดคิดว่าทำแบบนี้่แล้วจะช่วยให้ผมรู้สึก
รักเธอมากขึ้น ผมอยากที่จะทำให้ดีขึ่นต่อจากนี้้ไป ผมจะทำให้เธอรู้ว่าความ
'ไม่สมบูรณ์แบบ' ของเธอนั้นคือสิ่งที่ทำให้ผมอยากอยู่กับเธอทุกวันตลอดไป
นี่จะเป็นสิ่งที่้เตือนใจผมอยู่เสมอ"
▼สามีตอนนี้รู้สึกพึงพอใจกับภรรยาที่ "ไม่สมบูรณ์แบบ" แล้ว
ข้อ
ความนี้ทำให้ช่างภาพได้ฉุกคิดว่าความสวยนั้นอาจจะถูกพรากไปด้วยกาลเวลา
แต่นั่นคือสิ่งที่ย้ำเตือนการใช้ชีวิตของเรา
เช่นเดียวกับสามีภรรยาคู่นี้ที่ทำให้รู้ว่า
สิ่งสำคัญของชีวิตคู่ไม่ใช่เรื่องของความสาวความสวย
แต่คือการอยู่เคียงข้างกันในทุกๆจังหวะชีวิตต่างหากคือสิ่งสำคัญที่ทำให้คู่
รักนั้นอยู่ด้วยกันตลอดไป
ความ
สวยงามภายนอกนั้นเสื่อมสภาพตามกาลเวลา ถึงจะสวยขนาดไหนก็มีวันร่วงโรย
หญิงอายุ40คนนี้ได้จ้างให้ช่างถ่ายภาพ
ถ่ายภาพให้เธอชุดนึงและเธอก็ขอเขาช่วยแต่งภาพให้ผอมลงและหุ่นดีจนสามีของเธอ
เห็นแล้วต้องเซอไพรส์ ช่างภาพคิดตามแล้วก็ตกลงทำตามความต้องการของเธอ
▼ช่าง
ภาพและหญิงคนนี้ก็ได้เดินทางไปยังโรงแรมหรู
และหลังจากการถ่ายรูปที่ใช้เวลาชั่วโมงครึ่งเสร็จแล้ว
ด้วยคำแนะนำของเธอช่างภาพจึงเริ่มทำการรีทัชลบริ้วรอย เซลลูไลท์
รอยแตกลายต่างๆ ของเธอ คนในรูปดูสูงและหุ่นดี
ผิวขาวและเปี่ยมด้วยความอ่อนเยาว์ หญิงคนนี้เมื่อเห็นผลงานก็พอใจมาก
และก่อนที่จะถึงคริสต์มาสเธอก็ได้มอบอัลบัมภาพนี้ให้สามีของเธอ
▼รูปภาพถูกแก้ไขตามความต้องการของเธอทั้งหมด
ตาม
ปกติก็ถือว่าช่างภาพได้ทำงานเสร็จสิ้นแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าอีก 3 วันต่อมา
เขาก็ได้รับอีเมล์จากสามีของผู้หญิงคนนั้น
รายละเอียดด้านในทำให้เขาสะเทือนใจมาก
▼นี่คือข้อความของอีเมล์ฉบับนั้น
"สวัสดี
ครับ ผมเป็นสามีของผู้หญิงคนนั้น
ผมเขียนอีเมล์นี้ถึงคุณเพราะภรรยาของผมได้ขอให้คุณช่วยถ่ายรูปเซตนี้ให้ผม
แต่ผมไม่ได้ส่งมาบ่นเพราะคุณได้ทำตามหน้าที่ของคุณเป็นอย่างดี
ผม
เริ่มต้นใช้ชีวิตกับเธอตั้งแต่อายุ 18 เรามีลูกที่น่ารักด้วยกันสองคน
ผ่านมาทั้งช่วงเวลาที่ดีและร้ายด้วยกันมามาก
ผมรู้ว่าภรรยาผมถ่ายรูปเซตนี้เพื่อทำให้ชีวิตคู่ของเราดูน่าตื่นเต้นขึ้น
บางครั้งเธอก็บ่นเพราะคิดว่าผมไม่คิดว่าเธอนั้นสวยอีกต่อไปแล้ว
และยังพูดอีกว่าถ้าผมมีคนอื่นที่เด็กและสวยกว่า เขาจะไม่โทษผมแม้แต่น้อย
แต่
เมื่อผมได้รับอัลบัมรูปและเปิดดูก็ถึงกับอึ้ง รูปดูสวยมาก
คุณเป็นช่างภาพที่เก่งมาก หากแต่ผมต้องการจะบอกว่านั่นไม่ใช่ภรรยาของผม
คุณทำให้ 'ริ้วรอย' ของเธอหายไป ผมรู้ว่าภรรยาของผมขอให้คุณทำมัน
แต่เพราะสิ่งเหล่านั้นมันหายไปเลยดูเหมือนสิ่งที่บ่งบอกการใช้ชีวิตคู่ของ
เราก็หายไปด้วย
ตอน
ที่คุณลบรอยแตกลาย
คุณก็ได้เอาสิ่งที่บ่งบอกว่าเธอกับผมเคยมีลูกด้วยกันออกไป
เมื่อคุณรีทัชริ้วรอย ก็เหมือนลบเอาประสบการณ์กว่า 20
ปีที่มีทั้งสุขและทุกข์ของเราออกไป เมื่อคุณเอาไขมันของเธอออก
คุณก็เอาหลายปีที่เราได้ทำอาหารและความสุขที่ได้ทานอาหารด้วยกันนั้นออกไป"
▼สามีนั้นคิดว่า "นั่นไม่ใช่ภรรยาที่เขารู้จักเลย"
▼"ผม
ไม่ได้ตัดสินอะไรคุณทั้งสิ้นและเข้าใจว่าเป็นหน้าที่ที่คุณต้องทำตามความ
ต้องการของลูกค้าอยู่แล้ว
จริงๆแล้วผมอยากเขียนมาเพื่อขอบคุณที่อัลบัมภาพนี้
ทำให้ผมรู้สึกละอายใจที่ผมไม่สามารถทำให้เธอรู้สึกแน่ใจได้ว่าผมรักเธอขนาด
ไหน"
▼"ผม
ยังทำได้ไม่มากพอจนทำให้เธอเข้าใจผิดคิดว่าทำแบบนี้่แล้วจะช่วยให้ผมรู้สึก
รักเธอมากขึ้น ผมอยากที่จะทำให้ดีขึ่นต่อจากนี้้ไป ผมจะทำให้เธอรู้ว่าความ
'ไม่สมบูรณ์แบบ' ของเธอนั้นคือสิ่งที่ทำให้ผมอยากอยู่กับเธอทุกวันตลอดไป
นี่จะเป็นสิ่งที่้เตือนใจผมอยู่เสมอ"
▼สามีตอนนี้รู้สึกพึงพอใจกับภรรยาที่ "ไม่สมบูรณ์แบบ" แล้ว
ข้อ
ความนี้ทำให้ช่างภาพได้ฉุกคิดว่าความสวยนั้นอาจจะถูกพรากไปด้วยกาลเวลา
แต่นั่นคือสิ่งที่ย้ำเตือนการใช้ชีวิตของเรา
เช่นเดียวกับสามีภรรยาคู่นี้ที่ทำให้รู้ว่า
สิ่งสำคัญของชีวิตคู่ไม่ใช่เรื่องของความสาวความสวย
แต่คือการอยู่เคียงข้างกันในทุกๆจังหวะชีวิตต่างหากคือสิ่งสำคัญที่ทำให้คู่
รักนั้นอยู่ด้วยกันตลอดไป
เปลี่ยนไปมาก! มาแล้ว Let me in Thailand ศัลยกรรมพลิกชีวิตคนแรกของประเทศไทย จนคนไทยตะลึง จะเปลี่ยนไปแค่ไหนมาดูกัน
เรียบเรียงข้อมูลโดย ทีมข่าว สยามอัพเดท
หลายคนคงรู้จักรายการ Let me in รายการศัลยกรรมอันโด่งดังที่จะคัดเลือกคนไปทำศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เรียกว่าเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
หลายคนคงรู้จักรายการ Let me in รายการศัลยกรรมอันโด่งดังที่จะคัดเลือกคนไปทำศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เรียกว่าเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
หลายคนที่มาร่วมรายการ ไม่ได้ทำเพราะแค่ความสวยหล่อ แต่บางคนมีปัญหาสุขภาพ เช่น กรามที่ยาวมากทำให้เคี้ยวข้าวไม่ได้
และคงเคยได้ยินว่า รายการฝั่งเกาหลีมีการคัดเลือกคนไทยเข้าไปทำศัลยกรรมด้วย เห็นภาพแชร์กัน สวยเชียว
เรียบเรียงข้อมูลโดย ทีมข่าว สยามอัพเดท
หลายคนคงรู้จักรายการ Let me in รายการศัลยกรรมอันโด่งดังที่จะคัดเลือกคนไปทำศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เรียกว่าเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
หลายคนคงรู้จักรายการ Let me in รายการศัลยกรรมอันโด่งดังที่จะคัดเลือกคนไปทำศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เรียกว่าเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
หลายคนที่มาร่วมรายการ ไม่ได้ทำเพราะแค่ความสวยหล่อ แต่บางคนมีปัญหาสุขภาพ เช่น กรามที่ยาวมากทำให้เคี้ยวข้าวไม่ได้
และคงเคยได้ยินว่า รายการฝั่งเกาหลีมีการคัดเลือกคนไทยเข้าไปทำศัลยกรรมด้วย เห็นภาพแชร์กัน สวยเชียว
ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร! ตำรวจที่เราเห็นประจำในละคร ที่จริงแล้วเขามีอาชีพอะไรมาดูกัน
ไม่ว่ารวยหรือจนความใฝ่ฝันของชายชาตรีส่วนใหญ่ มักจะใฝ่ฝันที่จะสวมเครื่องแบบสีกากี หรือ ตำรวจ ด้วยกันทั้งนั้น แต่พอได้เข้ามารับใช้ชาติแล้วด้วยเงินเดือนน้อยนิดจึงต้องพยายามดิ้นรนหาหนทางประกอบอาชีพเสริมเพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้นทำให้ฐานะทางครอบครัวมีความเป็นอยู่ดีขึ้น เช่นเดียวกับ “ด.ต.สิริเวช เจริญชนม์” ที่สู้ชีวิตทำหลากหลายอาชีพอย่างภาคภูมิใจ อาทิ ตำรวจเฝ้าร้านทอง ธนาคาร ร้านสะดวกซื้อ คนขับแท็กซี่ และอีกงานหนึ่งที่ไม่ไกลตัวคืออาชีพนักแสดง “ตำรวจตัวประกอบ” ทางจอแก้ว ที่หลายๆ คนคงคุ้นหน้าคุ้นตากับเขาคนนี้ดี
ไม่ว่ารวยหรือจนความใฝ่ฝันของชายชาตรีส่วนใหญ่ มักจะใฝ่ฝันที่จะสวมเครื่องแบบสีกากี หรือ ตำรวจ ด้วยกันทั้งนั้น แต่พอได้เข้ามารับใช้ชาติแล้วด้วยเงินเดือนน้อยนิดจึงต้องพยายามดิ้นรนหาหนทางประกอบอาชีพเสริมเพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้นทำให้ฐานะทางครอบครัวมีความเป็นอยู่ดีขึ้น เช่นเดียวกับ “ด.ต.สิริเวช เจริญชนม์” ที่สู้ชีวิตทำหลากหลายอาชีพอย่างภาคภูมิใจ อาทิ ตำรวจเฝ้าร้านทอง ธนาคาร ร้านสะดวกซื้อ คนขับแท็กซี่ และอีกงานหนึ่งที่ไม่ไกลตัวคืออาชีพนักแสดง “ตำรวจตัวประกอบ” ทางจอแก้ว ที่หลายๆ คนคงคุ้นหน้าคุ้นตากับเขาคนนี้ดี
ใจร้อนไปหน่อย !! สาวช่างเสริมสวยศึกษาดูยูทูป สักแก้ม สักคิ้วด้วยตัวเอง สุดท้ายเธอต้องปิดแมส ตัดผมหน้าม้า เพราะใบหน้ากลายมาเป็นแบบนี้
เรื่องของความสวยความงามเป็นเรื่องที่คู่กับผู้หญิงชนิดที่แยกจากกันไม่ได้เลยทีเดียว ท่ามกลางความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การศัลยกรรมกลายเป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมเป็นจำนวนมาก เพราะนอกจากจะเป็นการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นแล้ว ยังทำให้โอกาสต่างๆเข้ามาในชีวิตอีกด้วย
แต่มันก็เสมอไป หากเกิดความโชคร้ายคุณก็ต้องจมอยู่กับความทุกข์ตลอด เช่นเดียวกับสาวรายนี้ คุณ ริสริน อุทัยวรรณ หรือ โมย่า อายุ 40 ปี เธอเป็นช่างเสริมสวย ทำผม ทำคิ้วมานานกว่า 9 ปี ได้ทำการศึกษาจากสื่ออินเตอร์เนต ทำการสักตา สักคิ้ว ด้วยตัวเอง ได้ออกมาเปิดใจถึงความผิดพลาดให้ฟังว่า
เรื่องของความสวยความงามเป็นเรื่องที่คู่กับผู้หญิงชนิดที่แยกจากกันไม่ได้เลยทีเดียว ท่ามกลางความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การศัลยกรรมกลายเป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมเป็นจำนวนมาก เพราะนอกจากจะเป็นการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นแล้ว ยังทำให้โอกาสต่างๆเข้ามาในชีวิตอีกด้วย
แต่มันก็เสมอไป หากเกิดความโชคร้ายคุณก็ต้องจมอยู่กับความทุกข์ตลอด เช่นเดียวกับสาวรายนี้ คุณ ริสริน อุทัยวรรณ หรือ โมย่า อายุ 40 ปี เธอเป็นช่างเสริมสวย ทำผม ทำคิ้วมานานกว่า 9 ปี ได้ทำการศึกษาจากสื่ออินเตอร์เนต ทำการสักตา สักคิ้ว ด้วยตัวเอง ได้ออกมาเปิดใจถึงความผิดพลาดให้ฟังว่า
โยชิ รินรดา หลังจากแปลงเพศแล้ว! มาส่องภาพแซ่บๆกัน บอกเลยว่าหุ่นดีและเซ็กซี่สุดๆ
ช็อคยิ่งกว่าช็อค!! เมื่อศาลอเมริกามีคำสั่่งจำคุกตลอดชีวิต ที่แกล้งเพื่อนสาว 2 คน แบบนี้ ใครชอบแกล้งเพื่อนดูไว้เป็นอุทธาหรณ์!!
ถ้าลูกคุณมีนิสัยเกเร ชอบรังแกเพื่อนนักเรียนด้วยกัน แล้วคุณกำลังจะส่งลูกคุณไปเรียนต่อที่อเมริกา
บอกลูกตัวเอง ไปถึงแล้ว อย่ารังแกคนเหมือนตอนอยู่บ้านเรา ที่นั่น เรื่องอย่างนี้ ทางการอเมริกาจะไม่ยอมปล่อยให้เป็นเรื่องเล็ก
ส่วนโทษจะหนักแค่ไหน คุณคงคิดไม่ถึง เรามาติดตามกัน

ความโหดเหี้ยมทารุณของผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะในบางสังคม น่ากลัวยิ่งนัก
เดือน 7 ปีนี้ มีคดีนักเรียนหญิงจากจีนไปเรียนที่อเมริการังแกนักเรียนหญิงจีนด้วยกันเกิด ขึ้นเป็นที่สนใจของสังคม เจ้าทุกข์ชื่อหลิว อี๋หยาน ถูกจับแก้ผ้า ใช้บุหรี่จี้หน้าอก ใช้ไฟแช็คจุดเส้นผม บังคับให้นอนลงกับพื้นกินทราย โกนผม และบังคับให้กิน และยังถ่ายรูปตอนถูกรังแก และตอนถูกแก้ผ้า

เดือน 7 ปีนี้ มีคดีนักเรียนหญิงจากจีนไปเรียนที่อเมริการังแกนักเรียนหญิงจีนด้วยกันเกิด ขึ้นเป็นที่สนใจของสังคม เจ้าทุกข์ชื่อหลิว อี๋หยาน ถูกจับแก้ผ้า ใช้บุหรี่จี้หน้าอก ใช้ไฟแช็คจุดเส้นผม บังคับให้นอนลงกับพื้นกินทราย โกนผม และบังคับให้กิน และยังถ่ายรูปตอนถูกรังแก และตอนถูกแก้ผ้า

เหตุการณ์นี้กินเวลา 5 ชม น.ส. หลิว แผลเต็มตัว หน้าบวมปูด ยืนไม่ค่อยไหว
คดีนี้ทางการอเมริกาตัดสินจำคุก 2 ผู้หัวโจก ตลอดชีวิต ค่าประกันตัว 6
ล้านเหรียญ หรือประมาณ 210 ล้านบาท สื่อรายงานว่า
เป็นเงินประกันสูงสุดของคดีผู้ต้องหาเป็นนักเรียนนอกในประวัติศาสตร์อเมริกา
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า คดีนี้เลวร้าย โหดเหี้ยมทารุณ และจำนวนผู้ต้องหามาก
ความรุนแรง ไม่ค่อยมีเกิดขึ้น เด็กพวกนี้โหดเหี้ยมทารุณ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย
และไม่มีความเป็นมนุษย์ และที่น่าอับอายคือ
พ่อแม่เด็กมาถึงอเมริกาก็มาติดสินบนเจ้าทุกข์และพยาน
ต้องการที่จะจัดการเรื่องให้เงียบโดยใช้เงิน ก็ถูกจับเข้าห้องขังด้วย
พ่อแม่ของเด็กหลายคนที่มีส่วนร่วมในคดีบอกว่า ลงโทษแรงเกินไป ลูกของตัวเองแม้จะอยู่ในเหตุการณ์ แต่ไม่ได้ลงมือ
ทนายความคนจีนท้องถิ่นบอกว่า กฎหมาย
ของอเมริกามีอยู่ข้อหนึ่งเรียกว่า felony murder rule
ถ้าเด็กทำความผิดด้วยกัน ทุกคนต้องรับโทษสูงสุดด้วยกัน คดีนี้ได้บอกเราว่า
นักเรียนนอกพวกนี้ ไม่รู้กฎหมายอเมริกาเลย
ตำรวจคนหนึ่งแนะนำว่า เราส่งลูกไปเรียนเมืองนอก
เราต้องมั่นใจว่าลูกจะเคารพกฎหมายของประเทศนั้น ๆ ให้เขารู้ว่า
กฎหมายบ้านเรามาที่นี้ ใช้ไม่ได้
ทำไมที่ประเทศจีน คนหนุ่มสาวจึงไม่เคารพกฎหมาย ?
ถ้าเรื่องอย่างนี้
เกิดขึ้นในจีน นักเรียนก็แค่ถูกตำหนิ
คนที่เกี่ยวข้องจะไม่ค่อยลงโทษนักเรียน เพราะเห็นว่าสอบเข้ามาเรียนยาก
จึงไม่ไล่ออกและทำโทษ ส่วนพ่อแม่ที่มาติดสินบน ก็จะคิดว่า ในโลกนี้
พ่อแม่ทุกคนรักลูก ก็แค่ว่ากล่าวตักเตือนก็หมดเรื่อง
แต่ที่อเมริกาเรื่องอย่างนี้ผิดกฎหมาย จะถูกจับ ติดคุก
จนถึงขั้นจำคุดตลอดชีวิต
ถ้าลูกคุณมีนิสัยเกเร ชอบรังแกเพื่อนนักเรียนด้วยกัน แล้วคุณกำลังจะส่งลูกคุณไปเรียนต่อที่อเมริกา
บอกลูกตัวเอง ไปถึงแล้ว อย่ารังแกคนเหมือนตอนอยู่บ้านเรา ที่นั่น เรื่องอย่างนี้ ทางการอเมริกาจะไม่ยอมปล่อยให้เป็นเรื่องเล็ก
ส่วนโทษจะหนักแค่ไหน คุณคงคิดไม่ถึง เรามาติดตามกัน

ความโหดเหี้ยมทารุณของผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะในบางสังคม น่ากลัวยิ่งนัก
เดือน 7 ปีนี้ มีคดีนักเรียนหญิงจากจีนไปเรียนที่อเมริการังแกนักเรียนหญิงจีนด้วยกันเกิด ขึ้นเป็นที่สนใจของสังคม เจ้าทุกข์ชื่อหลิว อี๋หยาน ถูกจับแก้ผ้า ใช้บุหรี่จี้หน้าอก ใช้ไฟแช็คจุดเส้นผม บังคับให้นอนลงกับพื้นกินทราย โกนผม และบังคับให้กิน และยังถ่ายรูปตอนถูกรังแก และตอนถูกแก้ผ้า

เดือน 7 ปีนี้ มีคดีนักเรียนหญิงจากจีนไปเรียนที่อเมริการังแกนักเรียนหญิงจีนด้วยกันเกิด ขึ้นเป็นที่สนใจของสังคม เจ้าทุกข์ชื่อหลิว อี๋หยาน ถูกจับแก้ผ้า ใช้บุหรี่จี้หน้าอก ใช้ไฟแช็คจุดเส้นผม บังคับให้นอนลงกับพื้นกินทราย โกนผม และบังคับให้กิน และยังถ่ายรูปตอนถูกรังแก และตอนถูกแก้ผ้า

เหตุการณ์นี้กินเวลา 5 ชม น.ส. หลิว แผลเต็มตัว หน้าบวมปูด ยืนไม่ค่อยไหว
คดีนี้ทางการอเมริกาตัดสินจำคุก 2 ผู้หัวโจก ตลอดชีวิต ค่าประกันตัว 6
ล้านเหรียญ หรือประมาณ 210 ล้านบาท สื่อรายงานว่า
เป็นเงินประกันสูงสุดของคดีผู้ต้องหาเป็นนักเรียนนอกในประวัติศาสตร์อเมริกา
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า คดีนี้เลวร้าย โหดเหี้ยมทารุณ และจำนวนผู้ต้องหามาก
ความรุนแรง ไม่ค่อยมีเกิดขึ้น เด็กพวกนี้โหดเหี้ยมทารุณ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย
และไม่มีความเป็นมนุษย์ และที่น่าอับอายคือ
พ่อแม่เด็กมาถึงอเมริกาก็มาติดสินบนเจ้าทุกข์และพยาน
ต้องการที่จะจัดการเรื่องให้เงียบโดยใช้เงิน ก็ถูกจับเข้าห้องขังด้วย
พ่อแม่ของเด็กหลายคนที่มีส่วนร่วมในคดีบอกว่า ลงโทษแรงเกินไป ลูกของตัวเองแม้จะอยู่ในเหตุการณ์ แต่ไม่ได้ลงมือ
ทนายความคนจีนท้องถิ่นบอกว่า กฎหมาย
ของอเมริกามีอยู่ข้อหนึ่งเรียกว่า felony murder rule
ถ้าเด็กทำความผิดด้วยกัน ทุกคนต้องรับโทษสูงสุดด้วยกัน คดีนี้ได้บอกเราว่า
นักเรียนนอกพวกนี้ ไม่รู้กฎหมายอเมริกาเลย
ตำรวจคนหนึ่งแนะนำว่า เราส่งลูกไปเรียนเมืองนอก
เราต้องมั่นใจว่าลูกจะเคารพกฎหมายของประเทศนั้น ๆ ให้เขารู้ว่า
กฎหมายบ้านเรามาที่นี้ ใช้ไม่ได้
ทำไมที่ประเทศจีน คนหนุ่มสาวจึงไม่เคารพกฎหมาย ?
ถ้าเรื่องอย่างนี้
เกิดขึ้นในจีน นักเรียนก็แค่ถูกตำหนิ
คนที่เกี่ยวข้องจะไม่ค่อยลงโทษนักเรียน เพราะเห็นว่าสอบเข้ามาเรียนยาก
จึงไม่ไล่ออกและทำโทษ ส่วนพ่อแม่ที่มาติดสินบน ก็จะคิดว่า ในโลกนี้
พ่อแม่ทุกคนรักลูก ก็แค่ว่ากล่าวตักเตือนก็หมดเรื่อง
แต่ที่อเมริกาเรื่องอย่างนี้ผิดกฎหมาย จะถูกจับ ติดคุก
จนถึงขั้นจำคุดตลอดชีวิต
หนุ่มประชดพ่อแม่ แต่งงานกับคนน่าเกลียด ตอนนอนไม่มีอะไรกัน! "จนผ่านไป 2 ปี" พบบางอย่าง ที่ต้องเปลี่ยนความคิดไปตลอดกาล...
คน
ในครอบครัวและเพื่อนๆต่างคอยแนะนำเพื่อนผู้ชายให้รู้จัก
และการดูตัวทุกครั้งก็ต้องผิดหวังอยู่เรื่อยไป
ถ้าผู้ชายไม่หันหน้าหนีก็เดินกลับไปเลย
แถมยังไปโทษแม่สื่อว่าทำไมมาแนะนำคนหน้าตาแบบนี้ให้
เธอเสียใจมากและต้องการไปทำศัลยกรรม แต่เพราะว่าไม่มีเงิน เธอจึงคิดว่าเธอคงไม่มีหวังอีกแล้ว
แต่
นึกไม่ถึงว่าเมื่อเธอไปดูตัวอีกครั้งหนึ่ง
เธอได้พบกับผู้ชายที่หน้าตาดีและมีมารยาทมาก
เขาเลี้ยงเครื่องดื่มเธอแล้วจึงพาไปทานข้าว
เธอได้แต่คิดว่าผู้ชายที่หน้าตาดีแบบนี้คงไม่มีวันเลือกเธอเป็นแน่
เมื่อทานอาหารเสร็จเธอจึงแย่งจ่ายค่าอาหาร
หลังจากนั้นไม่กี่วันแม่สื่อก็ติดต่อมาว่าฝ่ายชายยินดีแต่งงานด้วย
เธอ
ไม่เชื่อว่าชีวิตนี้จะได้พบกับผู้ชายที่ไม่รังเกียจเธอ
เธอคิดว่าสวรรค์ได้ตอบแทนคุณความดีที่เธอเคยทำแล้ว
หลังจากนั้นเธอจึงรู้ได้ว่าที่เขาแต่งงานเพราะอยากประชดที่พ่อแม่ไม่ยอมรับ
และรังเกียจแฟนเก่าที่หน้าตาดีเกินไป
ถึงแม้จะแต่งงานกันแต่เขาก็ไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวเธอเลย
เพราะในใจเขาไม่เคยลืมเรื่องแฟนเก่า
ทุกๆ
วันเธอปรุงอาหารดีๆไว้รอเขากลับบ้าน
เธอยังบอกสามีอีกว่าถ้าอยากจะหย่าเมื่อไหร่ก็ไปหย่ากัน
เธอรู้ดีว่ามีหลายคนที่หัวเราะเยาะเขาที่มาแต่งงานกับคนหน้าตาแบบเธอ
แถมยังต้องแบกความอับอายนี้ไว้
เธอรู้ดีด้วยว่าเขายังไม่เคยลืมแฟนเก่าและยังติดต่อหากันตลอด
หลัง
จากนั้นแม่สามีได้ล้มป่วยเป็นอัมพาต เธอจึงลาออกจากงานมาดูแลแม่สามี
เธอถามว่า "ทำไมถึงไม่ยอมให้ลูกชายแต่งงานกับแฟนเก่า?
เพียงเพราะเธอสวยเกินไปหรือเปล่า?"
แม่
สามีส่ายหัวปฏิเสธพูดว่า
"แฟนเก่าเป็นคนที่มีความสุขด้วยกันได้แต่ทนทุกข์ลำบากร่วมกันไม่ได้
ผู้ชายจะมัวหาแต่เมียสวยๆอย่างเดียวไม่ได้"
แม่
สามีพูดถูก เพราะแฟนเก่าของสามีไปทำธุรกิจแล้วให้เขาช่วยค้ำประกัน
เมื่อธุรกิจล้มเหลวไม่เป็นท่ากลายเป็นหนี้เป็นสินมากมายแล้วยังมาหลบหนีหาย
ตัวไปอีก ทำให้เขารู้สึกผิดหวังในตัวแฟนเก่ามาก
เมื่อเธอและสามีใช้ชีวิตร่วมกันจนผ่านไป 2
ปีเขาก็ค่อยๆเริ่มยอมรับในตัวเธอจนมีลูกสาวที่น่ารักด้วยกันหนึ่งคน
แต่
เมื่อทั้งครอบครัวออกไปกินข้าวนอกบ้าน ยังคงมีคนนินทาว่าไม่เหมาะสมกัน
สามีรู้ดีว่าเธอก็ไม่สบายใจจึงบอกเธอว่า
ตอนแรกที่เขาแต่งงานเพราะต้องการจะประชดจริงๆ
แต่พออยู่ด้วยกันแล้วเขาชอบที่จิตใจของเธอมากกว่า
จนคิดว่าเป็นตัวของเขาเองนี่แหละที่ไม่ดีพอ
ทุก
วันนี้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ถึงแม้จะยากลำบากในช่วงเริ่มต้น
แต่ในที่สุดเธอก็ได้มีครอบครัวที่อบอุ่นและชีวิตแต่งงานที่สมบูรณ์
เธอ
ไม่มีความมั่นใจตั้งแต่ยังเด็กเพราะว่าเธอหน้าตาไม่สวย จมูกแบน
ฟันเหยินและมีโครงหน้าที่อัปลักษณ์
ถึงแม้ว่าเธอจะสอบได้คะแนนสูงมาตลอดแต่หลังเรียนจบไม่เคยหางานที่ดีๆทำได้
เลย
ในที่สุดเธอก็ได้งานในตำแหน่งจัดการโกดังสินค้าเพราะงานนี้ไม่จำเป็นต้องออก
ไปพบหน้าผู้คน
คน
ในครอบครัวและเพื่อนๆต่างคอยแนะนำเพื่อนผู้ชายให้รู้จัก
และการดูตัวทุกครั้งก็ต้องผิดหวังอยู่เรื่อยไป
ถ้าผู้ชายไม่หันหน้าหนีก็เดินกลับไปเลย
แถมยังไปโทษแม่สื่อว่าทำไมมาแนะนำคนหน้าตาแบบนี้ให้
เธอเสียใจมากและต้องการไปทำศัลยกรรม แต่เพราะว่าไม่มีเงิน เธอจึงคิดว่าเธอคงไม่มีหวังอีกแล้ว
แต่
นึกไม่ถึงว่าเมื่อเธอไปดูตัวอีกครั้งหนึ่ง
เธอได้พบกับผู้ชายที่หน้าตาดีและมีมารยาทมาก
เขาเลี้ยงเครื่องดื่มเธอแล้วจึงพาไปทานข้าว
เธอได้แต่คิดว่าผู้ชายที่หน้าตาดีแบบนี้คงไม่มีวันเลือกเธอเป็นแน่
เมื่อทานอาหารเสร็จเธอจึงแย่งจ่ายค่าอาหาร
หลังจากนั้นไม่กี่วันแม่สื่อก็ติดต่อมาว่าฝ่ายชายยินดีแต่งงานด้วย
เธอ
ไม่เชื่อว่าชีวิตนี้จะได้พบกับผู้ชายที่ไม่รังเกียจเธอ
เธอคิดว่าสวรรค์ได้ตอบแทนคุณความดีที่เธอเคยทำแล้ว
หลังจากนั้นเธอจึงรู้ได้ว่าที่เขาแต่งงานเพราะอยากประชดที่พ่อแม่ไม่ยอมรับ
และรังเกียจแฟนเก่าที่หน้าตาดีเกินไป
ถึงแม้จะแต่งงานกันแต่เขาก็ไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวเธอเลย
เพราะในใจเขาไม่เคยลืมเรื่องแฟนเก่า
ทุกๆ
วันเธอปรุงอาหารดีๆไว้รอเขากลับบ้าน
เธอยังบอกสามีอีกว่าถ้าอยากจะหย่าเมื่อไหร่ก็ไปหย่ากัน
เธอรู้ดีว่ามีหลายคนที่หัวเราะเยาะเขาที่มาแต่งงานกับคนหน้าตาแบบเธอ
แถมยังต้องแบกความอับอายนี้ไว้
เธอรู้ดีด้วยว่าเขายังไม่เคยลืมแฟนเก่าและยังติดต่อหากันตลอด
หลัง
จากนั้นแม่สามีได้ล้มป่วยเป็นอัมพาต เธอจึงลาออกจากงานมาดูแลแม่สามี
เธอถามว่า "ทำไมถึงไม่ยอมให้ลูกชายแต่งงานกับแฟนเก่า?
เพียงเพราะเธอสวยเกินไปหรือเปล่า?"
แม่
สามีส่ายหัวปฏิเสธพูดว่า
"แฟนเก่าเป็นคนที่มีความสุขด้วยกันได้แต่ทนทุกข์ลำบากร่วมกันไม่ได้
ผู้ชายจะมัวหาแต่เมียสวยๆอย่างเดียวไม่ได้"
แม่
สามีพูดถูก เพราะแฟนเก่าของสามีไปทำธุรกิจแล้วให้เขาช่วยค้ำประกัน
เมื่อธุรกิจล้มเหลวไม่เป็นท่ากลายเป็นหนี้เป็นสินมากมายแล้วยังมาหลบหนีหาย
ตัวไปอีก ทำให้เขารู้สึกผิดหวังในตัวแฟนเก่ามาก
เมื่อเธอและสามีใช้ชีวิตร่วมกันจนผ่านไป 2
ปีเขาก็ค่อยๆเริ่มยอมรับในตัวเธอจนมีลูกสาวที่น่ารักด้วยกันหนึ่งคน
แต่
เมื่อทั้งครอบครัวออกไปกินข้าวนอกบ้าน ยังคงมีคนนินทาว่าไม่เหมาะสมกัน
สามีรู้ดีว่าเธอก็ไม่สบายใจจึงบอกเธอว่า
ตอนแรกที่เขาแต่งงานเพราะต้องการจะประชดจริงๆ
แต่พออยู่ด้วยกันแล้วเขาชอบที่จิตใจของเธอมากกว่า
จนคิดว่าเป็นตัวของเขาเองนี่แหละที่ไม่ดีพอ
ทุก
วันนี้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ถึงแม้จะยากลำบากในช่วงเริ่มต้น
แต่ในที่สุดเธอก็ได้มีครอบครัวที่อบอุ่นและชีวิตแต่งงานที่สมบูรณ์
Subscribe to:
Posts (Atom)